ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลง จากข่าวอิรักเตรียมส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะแก้ปัญหาตึงตัวในตลาด จากกลุ่มโอเปกพลัส ลดกำลังการผลิต ขณะที่อุปสงค์ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
น้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 8 เซ็นต์ อยู่ที่ 84.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ลดลง 7 เซ็นต์ อยู่ที่ 80.65 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันยืนเหนือ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางปัญหาอุปทานตึงตัว
เศรษฐกิจไตรมาส 2 ชะลอตัวลง ทั้งปีเหลือโต 2.5% ตั้งรัฐบาลช้าฉุดใช้งบ
ผู้ประกอบการ วอน รัฐบาลใหม่ จัดสรรงบเป็นส่วนลดค่าไฟ
ราคาน้ำมันดิบย้อนหลัง 15 วัน
ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง อันดับ1. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดลดลงจากจากความกังวลต่อวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนส่งสัญญานรุนแรงมากขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ล่าสุด Country Garden บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2566 เป็นครั้งแรก ขณะที่ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายของนิวยอร์กในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2566 เพื่อขอความคุ้มครองภายใต้มาตรา 15 ของประมวลกฎหมายล้มละลายของสหรัฐฯ (Chapter 15) ส่งผลให้นักลงทุนกังวลการล้มละลายครั้งนี้อาจลุกลามเป็นวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจาก Evergrande ครองสัดส่วน 40% ของโครงการบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัยในจีน
อนึ่ง บันทึกการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. 2566 ระบุว่า Fed กังวลต่อภาวะอัตราเงินเฟ้อ (ปัจจุบันอยู่ที่ 3.2%) ซึ่งจำเป็นต้องบริหารจัดการให้อยู่ในระดับเป้าหมาย 2% และกล่าวว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อต่อสู้เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.25%-5.50%)
Citigroup ชี้ว่าในเดือน ส.ค. 2566 จะเป็นช่วงที่อุปสงค์น้ำมันโลกอยู่ในระดับสูงสุดของปี 2566 และหลังจากนั้นจะเริ่มชะลอตัวลง โดยคาดว่าในปี 2566 อุปทานน้ำมันจะมากกว่าอุปสงค์ (Surplus) อยู่ที่ราว 200,000 บาร์เรลต่อวัน และในปี 2567 ที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะกดดันราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ OPEC+ อาจประกาศมาตรการลดการผลิตน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อพยุงไม่ให้ราคาน้ำมันต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล